"กรณ์"ชี้การปราบสแกมเมอร์

นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่าท่ามกลางความวุ่นวายการเลือกตั้ง เรายังควรต้องช่วยกันลงมือปราบปรามกระบวนการ scammer และการฟอกเงินที่ได้มาจากการปล้นประชาชน

ผมจึงขอสนับสนุนการทำงานของท่านรัฐมนตรี และ DSI ในการสืบสวนเรื่อง MoU ระหว่างกระทรวง DE ในรัฐบาลที่แล้ว กับกองทุนเอกชนที่เกี่ยวโยงกับนายเบน สมิธ เรื่องนี้ปล่อยผ่านไปเฉยๆไม่ได้จริงๆ

ซึ่งนอกเหนือจากบทบาทของอดีตเจ้ากระทรวงแล้ว ที่สำคัญคือคำชี้แจงจองท่านอดีตปลัดกระทรวง DE ที่เป็นผู้ลงนามใน MoU

สำนักข่าวรายงานการชี้แจงของท่านว่า:

“นายวิศิษฏ์ให้การว่าการทำ MOU เป็นการสั่งการจากฝ่ายการเมืองโดยสำนักงานรัฐมนตรีดิจืทัลฯเป็นผู้แจ้งมายังฝ่ายข้าราชการประจำให้ดำเนินการ ก่อนดำเนินการได้รับอนุมัติจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลฯในขณะนั้น ตนในฐานะปลัดกระทรวงฯ จึงไปลงนามตามขั้นตอน ยืนยันว่าไม่ทราบรายละเอียดหรือรู้จักเป็นการส่วนตัวกับผู้ลงนามฝ่ายบริษัท” (ไทยรัฐ)

คำถามคือ เราควรยอมรับการปฏิเสธความรับผิดชอบของท่านหรือไม่ ตามที่ท่านได้อ้างตามรายงานข่าวว่า ‘ฝ่ายการเมืองเป็นผู้สั่งการ’ - ระดับท่านจะยอมเป็นผู้ลงนามโดยไม่รู้รายละเอียดจริงหรือ?กรณ์

และแม้เป็นเช่นนั้น ในฐานะผู้ลงนามก็คงจะปฏิเสธความรับผิดชอบทั้งหมดไม่ได้

ซึ่งโดยเฉพาะท่านเคยสัมภาษณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่า “ผมจำได้แต่เพียงว่าเรื่องนี้ต้องเข้ามาตามกระบวนการ…ถ้าเอกสารเข้ามาอยู่ในฝ่ายประจำ เจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการตามขั้นตอนทุกอย่าง” (แหล่งข่าว:สำนักข่าวอิศรา)

และประเด็นสำคัญคือปัจจุบันท่านดำรงตำแหน่งประธาน ก.ล.ต. ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการตรวจสอบกระบวนการการฟอกเงินผ่านตลาดทุน และวันนี้งานของ ก.ล.ต. ยังไม่สมบูรณ์

หากท่านยังยืนยันว่าท่านไม่มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวข้อง และไม่ต้องรับผิดชอบใดๆ ผมคงต้องถามไปที่ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ท่านเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ในฐานะผู้กำกับ ก.ล.ต. ว่า

“ท่านรัฐมนตรีประเมินว่าเหมาะสมหรือไม่ที่คุณวิศิษฐ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ยังจะดำรงตำแหน่งประธาน ก.ล.ต. ต่อไป ในขณะที่ท่านรัฐมนตรีกระทรวง DE ในรัฐบาลของท่านได้มีคำสั่งยกเลิก และให้มีการตรวจสอบที่มาที่ไปของ MoU ฉบับนี้แล้ว?”

ทั้งนี้ทั้งนั้น ผมขอเน้นว่ายังไม่ได้มีการสรุปความผิดของใคร เพราะอยู่ในชั้นการสอบสวน แต่พรรคประชาธิปัตย์มองว่า การปราบกระบวนการ scammer และการฟอกเงิน เป็นวาระสำคัญที่ควรจะต้องมีการดำเนินการด้วยความโปร่งใส ปราศจากข้อครหาใดๆในตัวผู้เกี่ยวข้องในทุกกรณี เพื่อความมั่นใจของสังคมว่ารัฐบาล ‘เอาจริง‘